วิธีผ่อนคอนโดมือสอง: คู่มือการซื้อและการเงินสำหรับผู้ที่กำลังมองหาคอนโด
การเลือกซื้อคอนโดมือสองเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการบ้านหรือที่อยู่อาศัยในเมือง โดยไม่ต้องจ่ายราคาแพงเหมือนคอนโดมือหนึ่ง แต่การตัดสินใจเลือกผ่อนคอนโดมือสองอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นผู้ที่ซื้อคอนโดเป็นครั้งแรก การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเงินและกระบวนการขอสินเชื่อจะช่วยให้คุณสามารถทำการผ่อนคอนโดได้อย่างราบรื่นและไม่เกิดปัญหาทางการเงินในอนาคต
1. ทำความเข้าใจกับคอนโดมือสอง
ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อคอนโดมือสอง สิ่งแรกที่คุณควรทำคือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับคอนโดมือสองและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ที่คุณสนใจ คอนโดมือสองคือคอนโดที่เคยมีเจ้าของมาก่อนแล้วและนำมาขายใหม่ ซึ่งมักจะมีราคาที่ต่ำกว่าคอนโดมือหนึ่ง หรือคอนโดที่เพิ่งสร้างใหม่
ข้อดีของการซื้อคอนโดมือสอง
ราคาถูกกว่าคอนโดมือหนึ่ง
บางครั้งมีทำเลที่ดีและสะดวกสบายมากกว่า
ได้เห็นสภาพจริงของคอนโด ไม่ต้องเสี่ยงกับการจ่ายเงินล่วงหน้าสำหรับโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ
สามารถเจรจาต่อรองราคากับเจ้าของได้
ข้อเสียของการซื้อคอนโดมือสอง
สภาพอาคารอาจไม่ใหม่หรือมีการใช้งานมานาน
อาจมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและปรับปรุง
บางครั้งต้องเช็คประวัติการซ่อมแซมต่างๆ หรือปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้งานเดิม
2. ขั้นตอนการขอสินเชื่อเพื่อผ่อนคอนโดแบบมือสอง
หลังจากที่คุณได้คัดเลือกคอนโดที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการขอสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อใช้ในการผ่อนคอนโดแบบมือสอง การขอสินเชื่อไม่ยากเกินไป แต่ต้องการการเตรียมตัวที่ดี
2.1 เอกสารที่ต้องใช้ในการขอสินเชื่อ
เมื่อคุณไปขอสินเชื่อกับธนาคารเพื่อซื้อคอนโดมือสอง คุณจะต้องเตรียมเอกสารต่างๆ ที่ธนาคารต้องการ ซึ่งจะมีดังนี้
บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต
ทะเบียนบ้าน
หนังสือรับรองรายได้หรือสลิปเงินเดือน
สัญญาจะซื้อจะขายคอนโด
เอกสารแสดงบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 3-6 เดือน
ภาพถ่ายหรือสำเนาโฉนดที่ดินและสัญญาซื้อขาย
ใบรับรองภาษีที่ดิน (กรณีซื้อคอนโดที่มีการจดทะเบียนกับกรมที่ดิน)
2.2 ตรวจสอบคุณสมบัติในการขอสินเชื่อ
ธนาคารจะประเมินคุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อจากหลายปัจจัย เช่น
อายุและอาชีพ: การมีรายได้ประจำที่มั่นคงเป็นปัจจัยสำคัญในการขอสินเชื่อ ธนาคารมักจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีอายุและอาชีพที่มีเสถียรภาพ
สถานะทางการเงิน: ธนาคารจะดูความสามารถในการชำระหนี้จากรายได้ของคุณ โดยจะประเมินจากอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ (Debt-to-Income Ratio)
เครดิตบูโร: ธนาคารจะตรวจสอบเครดิตบูโรของคุณเพื่อประเมินประวัติการชำระหนี้ก่อนหน้านี้ หากมีประวัติเครดิตดีจะช่วยให้การขอสินเชื่อผ่านได้ง่ายขึ้น